เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงศึกชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ ระหว่างพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลนั้น โดยเอาเรื่องอาวุโสมาเป็นตัวตั้งว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นกดดันเรื่องนี้ เพราะเข้าใจว่าบรรยากาศการเจรจาในการตั้งรัฐบาล ควรจะเดินหน้า โดยไม่มีใครไปกดดัน เรายืนตรงมาตลอดว่าพร้อมสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี และตำแหน่งประธานสภาฯ จะต้องได้รับคะแนนโหวตสูงสุดในสภาฯ ไม่ใช่ตำแหน่งแต่งตั้ง
อีกทั้งในอดีตไม่เคยมีมาตรฐานว่าพรรคอันดับ 1 หรือ 2 จะต้องได้ตำแหน่งนี้ไป จะมีแต่พรรคการเมืองที่ได้เสียงชนะโหวตได้เป็นประธานสภาฯ แต่วันนี้มีความพยายามจะบอกว่าพรรคก้าวไกลได้คะแนนอันดับ 1 มีเสียงประชาชนสนับสนุน 14 ล้าน ก็จะต้องได้ตำแหน่งประธานสภาไป แต่ต้องไม่ลืมว่ายังมีคนไม่เลือกก้าวไกล และไม่ได้เห็นชอบศรัทธาแนวทางของพรรคก้าวไกล มากถึง 27 ล้านคน วันนี้คะแนนของเพื่อไทยและก้าวไกล ห่างกันแค่ 10 เสียง จึงไม่สามารถวัดกันได้
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า อยากให้ทุกคนตั้งสติ และถอยหลังคนละก้าวจะเห็นอีกหลายอย่าง ว่าประธานสภาไม่มีหน้าที่ไปดันกฎหมายของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ต้องเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ และต้องเป็นประธานของทั้งพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาล ขอให้เปรียบประเทศไทยคือทีมไทยแลนด์ต้องช่วยกัน อีกทั้งข้อตกลงใน MOU พรรคเพื่อไทยก็เห็นด้วยและร่วมมือทุกเรื่อง แต่เรื่องประธานสภาเป็นคนละเรื่องกับการสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเจอมาตั้งแต่หลังเลือกตั้งมีหลายกระแส จนกลายมาเป็นคนช้ำประจำซอย แต่เพื่อไทยมีประสบการณ์ไม่ได้หวั่นไหวกับเรื่องที่เกิดขึ้นและรับมือได้
“แฟนคลับส่วนหนึ่ง หรือแฟนด้อม ถ้าเปรียบเป็นฟุตบอลหรือมวย เราจะไปต่อยตามเสียงเชียร์ตลอดทุกยกไม่ได้ แต่ถ้าคิดว่ามีคะแนนนำ แล้วกองเชียร์บอกให้ชกห้ามหยุด แต่ไปเจอหมัดบวกสวนกลับ ก็จะทำให้จอดได้จึงอยากขอให้คิดว่ารักใครชอบพรรคไหน เชียร์ได้ แต่ต้องตั้งอยู่บนหลักการและเหตุผล แฟนคลับก้าวไกลและเพื่อไทย อารมณ์และสถานการณ์ไม่ต่างกัน ต่างฝ่ายต่างเรียกร้องให้ถอนตัวออกจากกัน”
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวต่อว่า วันนี้เราชนะแล้วด้วย 313 เสียง จึงอยากจะบอกก้าวไกลว่า เข้าป่าอย่าถามหาเสือ ลงน้ำอย่าห้ามหาจระเข้ พรรคเพื่อไทยเราไม่เป็นฝ่ายค้านเพราะรอมา 8 ปี แล้ว มีแต่จะเดินหน้าเป็นรัฐบาล แก้ปัญหาให้ประชาชน