วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ เพจพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความว่า 1 พฤษภาคม เนื่องในวันแรงงาน พรรคเพื่อไทยมาพร้อมนโยบายเพื่อแรงงานไทย ในปี 2570 มีอนาคต มีศักดิ์ศรี ไม่ยากจนอีกต่อไป
‘ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน’
ถึงเวลาแล้วที่ค่าแรงของคนไทยต้องปรับขึ้น ไม่ถูกแช่แข็งอีกต่อไป โดยในปี 2570 พรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้เป็น 600 บาทต่อวัน เพื่อให้เศรษฐกิจโตขึ้น แรงงานได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ให้แรงงานได้มั่งมีไปพร้อมๆ เจ้าของกิจการ
‘ปริญญาตรี/ข้าราชการ เงินเดือนเริ่มต้น 25,000 บาท/เดือน’
วุฒิปริญญาตรี ข้าราชการ มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 25,000 บาท/เดือน ภายในปี 2570 เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ให้คนไทยได้มีค่าแรงเพียงพอใช้จ่ายค่าของครองชีพส่วนอื่นๆ ทั้งยังมีเงินเหลือวางแผนอนาคต
ศึกษานโยบายเพิ่มรายได้ภาคแรงงานได้ที่ https://shorturl.at/bszPU
‘OFOS ศูนย์บ่มเพาะทักษะสร้างสรรค์ สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง’
พรรคเพื่อไทยเล็งเห็นถึงศักยภาพของคนไทยที่สามารถขับเคลื่อนประเทศนี้ได้ ด้วยนโยบาย ‘1 Family 1 Soft power’ที่จะเปิดโอกาสให้คนไทยได้พัฒนาทักษะและเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้อยู่เสมอ ผ่านการสนับสนุนจากภาครัฐให้เกิดศูนย์บ่มเพาะทักษะสร้างสรรค์ทั่วประเทศ และสามารถสร้างได้อย่างน้อย 20 ล้านตำแหน่ง ให้คนไทยเลือกงานที่รัก ทำสิ่งที่ชอบได้
ศึกษานโยบาย OFOS เพิ่มเติมได้ที่ https://shorturl.at/cIR89
พรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญของแรงงานทุกคน เพราะทุกคนเป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้เดินหน้าต่อไป เราจึงต้องมีนโยบายที่รองรับแรงงานและช่วยเหลือให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี
คิดใหญ่ทำเป็นเพื่อไทยทุกคน#กาเพื่อไทยแลนด์สไลด์ถึงจะเปลี่ยน #กา29 #เพื่อไทย29
“เพื่อไทย” แถลงการณ์ “วันแรงงาน” จัดเต็มนโยบายยกระดับแรงงาน
พรรคเพื่อไทยยังได้ออกแถลงการณ์ยกระดับแรงงานไทยด้วยนโยบายพรรค ระบุว่า เนื่องใน “วันแรงงาน” พี่น้องแรงงานคือ “แรงขับเคลื่อน” สำคัญในเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาโดยตลอด แต่ 8 ปีที่ผ่านมากลับเป็นภาคส่วนที่ถูกละเลย ได้รับผลกระทบสูงสุดจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ คุณภาพชีวิตเปราะบางย่ำแย่ลงจาก 8 ปีที่ผ่านมา ค่าแรงถูกแช่แข็ง รายได้ไม่พอต่อค่าใช้จ่าย ภาระหนี้สินฉุดรั้ง ไม่สามารถดูแลครอบครัวได้ อีกทั้งยังเจอปัญหาสังคม ยาเสพติด มลภาวะ คอยกัดกร่อนชีวิต
วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่น้องแรงงาน พรรคเพื่อไทยจะยกระดับแรงงานไทย มีงานให้เลือก มีรายได้ให้พอ มีเงินให้เหลือในกระเป๋า มีอำนาจให้ต่อรอง มีสังคมและคุณภาพชีวิตให้สามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้อย่างมีศักดิ์ศรี พรรคเพื่อไทยจะ “รดน้ำที่ราก” โดยนโยบายของพรรคจะเริ่มจากการสร้างฐานที่แข็งแรง พี่น้องแรงงานต้องได้รับการดูแลในทุกมิติ 1. ค่าแรงขั้นต่ำ พรรคเพื่อไทยจะยกระดับรายได้ของพี่น้องแรงงานทั้งระบบ ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน ผ่าน 2 นโยบายหลัก คือ ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ต่อวัน และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ต่อเดือน ภายในปี 2570 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ความกินดีอยู่ดี ลดความเหลื่อมล้ำ และลดทอนภาระหนี้ให้กับพี่น้องแรงงานทั้งประเทศ นอกจากนั้นพรรคเพื่อไทยจะมีการเติมเงินดิจิทัลให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน จำนวน 10,000 บาท ซึ่งนอกจากเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่แล้ว ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน นโยบายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายให้เศรษฐกิจของประเทศโตเฉลี่ยอย่างต่ำปีละ 5% บริหารจัดการค่าครองชีพให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ดูแลทุกภาคส่วนตั้งแต่ การเกษตร การท่องเที่ยวและบริการ การผลิตและส่งออก เพื่อให้ทั้งฝ่ายแรงงานและภาคเอกชนได้รับประโยชน์จากขนาดของเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นอย่างยุติธรรม
- ศักยภาพแรงงาน พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการเพิ่มทักษะแรงงาน โดยเฉพาะการค้นหาทักษะใหม่ ปลดล็อคศักยภาพของคนไทยในระดับครัวเรือนผ่านนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ Soft Power เพื่อสร้างรายได้ให้ทุกครัวเรือนผ่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างงานใหม่กว่า 20 ล้านตำแหน่ง และพรรคเพื่อไทยมีนโยบายสร้างแพลตฟอร์มการศึกษา Learn to Earn เพื่อจะพัฒนาศักยภาพแรงงานในทุกช่วงอายุและจะเชื่อมกับระบบการจัดหางานกลางของประเทศ การศึกษาจะยืดหยุ่น ทันสมัย สามารถผลิตแรงงานคุณภาพสูงที่ตรงต่อกับความต้องการของตลาด การหางานที่เหมาะสมกับตัวเองจะง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว 3. สิทธิและสวัสดิภาพแรงงงาน พรรคเพื่อไทยจะยกระดับสวัสดิการพี่น้องแรงงานทั้งระบบ นโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรคและระบบประกันสังคม จะทำให้การเข้าถึงระบบสาธารณสุขสะดวกรวดเร็วขึ้นผ่านเทคโนโลยี รวมทั้งมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิแรงงาน เพื่อให้ได้รับสิทธิการเข้าถึงการจ้างงานโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว ก่อตั้งสหภาพแรงงานหรือองค์กรของแรงงาน ผลักดันให้รัฐบาลให้การรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ดูแลด้านสวัสดิการ สุขอนามัย และคุณภาพชีวิตของแรงงานในทุกเพศสภาพ สิทธิวันลาคลอดและสิทธิแรงงานคู่สมรสลาเลี้ยงลูกเพื่อสร้างรากฐานครอบครัวให้แข็งแรง รวมถึงการศึกษาและเสนอกฎหมายแรงงานให้ทันสมัย ครอบคลุมธุรกิจรูปแบบใหม่ และมีความยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย
“เศรษฐา” โพสต์เฟซบุ๊กแรงงานต้องได้รับการพัฒนาและคุณภาพชีวิตต้องดีขึ้น
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 2 และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin ระบุว่า 1 พฤษภาคม วันแรงงานครับ
แรงงานถือเป็นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ
พี่น้องแรงงานต้องได้รับการพัฒนาทั้งด้านศักยภาพและสวัสดิการ
คุณภาพชีวิตของทุกคน ต้องดีขึ้น ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยครับ
นอกจากนี้ยังโพสต์ด้วยว่า รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย : ปัญหาความเหลื่อมล้ำคนเมืองที่รัฐต้องจัดการให้ถูกต้องเหมาะสม
ผมได้กล่าวถึงปัญหาหลายๆ เรื่องอันเป็นปัญหาภาพใหญ่ของประเทศไปบ้างแล้ว ครั้งนี้เรามาโฟกัสกับปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพง อันเป็นปัญหายอดนิยมคู่เมืองกรุงเทพฯ มานานตั้งแต่รถไฟ้ฟ้าเริ่มเปิดบริการตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งถ้าย้อนกลับไปตอนที่จะเริ่มสร้างนั้น มีเป้าหมายในการสร้างระบบขนส่งมวลชนที่ทุกคนเข้าถึงได้ แต่ในความเป็นจริง กลับตาละปัตรมิได้เป็นเช่นหวัง รถไฟฟ้ากลายไปเป็นระบบขนส่งของชนชั้นกลางขึ้นไปเท่านั้น ก็เพราะด้วยค่าบริการที่คนในสังคมหลายๆ กลุ่มเข้าไม่ถึง
ที่กล่าวว่าหลายกลุ่มในสังคมเข้าไม่ถึงก็เพราะว่าถ้าเราเปรียบเทียบราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ ต่อเที่ยวคิดเป็น 11% ของค่าแรง (ไปกลับก็ 22%) ซึ่งแพงมากเทียบกับอัตราส่วนเพียงแค่ 1.5% ของค่าแรงที่เกาหลีใต้ 2.9% ที่ญี่ปุ่น หรือ 3.5% ที่สิงคโปร์ ซึ่งสังเกตุได้ว่าในประเทศเหล่านั้นการขึ้นรถไฟฟ้าเป็นเรื่องปกติ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน
นอกจากนี้แล้ว ประเด็นอัตราค่าโดยสารที่แพงกว่าคนอื่นนี้ถูกซ้ำเติมโดยสภาวะเงินเฟ้อและวิกฤตโควิดในระยะ 3 ปีที่ผ่านมาอีก ในเมื่อสินค้าจำเป็นแพงขึ้นและรายได้ลดลง รถไฟฟ้าก็กลายเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยและเข้าไม่ถึงยิ่งไปกว่าเดิม ทำให้ประชาชนหลายคน ต้องยอมเสียเวลาเดินทางหลายต่อ นั่งรถตู้มาจากบ้าน ต่อรถเมล์ และเดินเพื่อให้ไปถึงที่หมาย เพียงเพราะไม่สามารถจ่ายค่ารถไฟฟ้าได้ เผลอๆ จะต้องเสียเวลาเดินทางเพิ่มขึ้นอีกเป็นชั่วโมง
ผมและพรรคเพื่อไทยมองว่ารถไฟฟ้าควรเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานที่ประชาชนชาวไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เราจึงมีความตั้งใจที่จะทำให้ราคาค่ารถไฟฟ้าลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเราจะเร่งเจรจากับทุกภาคส่วนเพื่อลดค่าโดยสารลงให้เหลือ 20 บาทตลอดสาย ซึ่งเป็นอัตราขั้นต่ำที่เข้าถึงได้ และเป็นสิ่งที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว (เช่น ฝรั่งเศส) ทำมานานแล้ว
เราจะได้ประโยชน์มากมายจากการปรับลดอัตราค่าเดินทางโดยรถไฟฟ้านี้ สิ่งที่ชัดเจนอย่างแรกก็คือเราสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพี่น้องประชาชน ปลดล็อครถไฟฟ้าสำหรับกลุ่มคนเมืองเป็นจำนวนมาก ด้วยราคาที่ไม่เกินเอื้อมอีกต่อไป การเข้าถึงระบบการเดินทางที่ มีคุณภาพ สะดวก ปลอดภัย ตอบโจทย์ จะทำให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวเมืองดีขึ้นอย่างแน่นอน
นอกจากนั้นแล้ว นโยบายนี้จะเพิ่ม ประสิทธิภาพของเมือง ซึ่งตีเป็นมูลค่าเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล ในทางตรง ประชาชนจะมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น โดยสามารถเลือกวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก โดยขณะที่ในทางอ้อมนโยบายนี้ก็จะจูงใจให้คนเลือกใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น ลดการใช้รถใช้ถนน ลดปริมาณจราจรบนท้องถนน ช่วยบรรเทาปัญหารถติด เราจะสามารถคืนเวลาทำมาหากินที่เสียไปเปล่าๆ กับการเดินทางบนท้องถนน ซึ่งสามารถนำไปใช้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศได้มหาศาล และยังทำให้ประชาชนชาวไทย ไม่ต้องอดหลับอดนอน มีเวลากับตัวเอง กับครอบครัวมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
ยิ่งไปกว่านั้น นโยบายนี้ยังจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมในทางบวก จะช่วยลดการปล่อยมลภาวะอันเกิดจากการลดอัตราการใช้รถใช้ถนน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ก่อให้เกิดปัญหา PM2.5 ซึ่งเป็นภัยเงียบของประชาชนอีกด้วย
แม้จะเป็นแค่ประเด็นการเดินทางของคนเมือง แต่หากเรามองนโยบายนี้เป็นองค์รวมร่วมกับนโยบายอื่นของพรรคเพื่อไทย เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท สร้างเขตเศรษฐกิจใหม่ ลดราคาพลังงานทันที เราจะทำให้เมืองของเราน่าอยู่ขึ้น ประชาชนเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีสุขภาพดีขึ้น และเศรษฐกิจภาพรวมก็จะโตอย่างมีประสิทธิภาพขึ้นแน่นอนครับ